วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ล่ามแปลภาษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  ๗๕๗/๒๕๔๕
ป.วิ.พ. มาตรา ๔๖ วรรคสี่
ป.วิ.อ. มาตรา ๑๕, ๑๗๒, ๒๓๗ ทวิ
                  การสืบพยานผู้เสียหายก่อนฟ้องคดีต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๓๗ ทวิ เป็นบทบัญญัติในหมวด ๒ พยานบุคคลที่กำหนดให้ศาลชั้นต้นที่ได้รับคำร้องจากพนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนให้สืบพยานก่อนฟ้องคดีต่อศาล เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าพยานบุคคลซึ่งจะต้องนำมาสืบในภายหน้าจะเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรยากแก่การนำมาสืบ ดังนี้ การสืบพยานผู้เสียหายดังกล่าว จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา ๑๗๒ วรรคสอง เพราะมิใช่การพิจารณาหลังฟ้องคดีต่อศาล ซึ่งศาลชั้นต้นจะต้องอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง และถามว่าได้กระทำผิดจริงหรือไม่ จะให้การต่อสู้คดีอย่างไรบ้าง
                  ส่วนที่การสืบพยานผู้เสียหายก่อนฟ้องคดีต่อศาลปรากฏข้อความในรายงานกระบวนพิจารณา เป็นการพิมพ์ข้อความแทรกมาระหว่างบรรทัดว่า "ก่อนสืบพยานได้สอบถามผู้ต้องหาแล้วแถลงว่าไม่ต้องการทนายความ" ซึ่งจำเลยยกเป็นข้อพิรุธสงสัยนั้น แต่จำเลยก็มิได้ยืนยันว่าศาลชั้นต้นไม่ได้ถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ กลับเบิกความว่า เนื่องจากเวลาผ่านไปนานแล้วจำเลยจำไม่ได้ว่าศาลถามหรือไม่ จึงฟังได้ว่าศาลชั้นต้นได้ถามจำเลยในเรื่องทนายความแล้วการสืบพยานผู้เสียหายก่อนฟ้องคดีต่อศาลเป็นไปโดยชอบ
                   การเบิกความของผู้เสียหายผ่านล่าม เป็นการรับฟังพยานหลักฐานโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าการที่ศาลชั้นต้นสืบพยานผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๓๗ ทวิ นั้น โจทก์ได้จัดล่ามซึ่งปรากฏว่าก่อนจะแปลคำเบิกความล่ามดังกล่าวสาบานตนแล้ว แม้นางสาว อ. จะเป็นเพื่อนผู้เสียหายซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุและทางราชการมิได้รับรองการเป็นล่ามก็ตาม ก็ไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายใดห้ามมิให้เป็นล่ามไว้ อีกทั้ง จำเลยก็มิได้คัดค้านล่ามดังกล่าวไว้ในการสืบพยาน การเบิกความของผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวต่างประเทศและไม่เข้าใจภาษาไทย ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๖ วรรคสี่ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕ แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  ๗๕๖๗/๒๕๔๔
ป.วิ.อ. มาตรา ๑๓, ๑๙๕
                 จำเลยเป็นคนต่างด้าวไม่สามารถพูดหรือเข้าใจภาษาไทยได้ และต้องมีล่ามแปล ดังนั้น ศาลชั้นต้นจะต้องปฏิบัติตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๓ วรรคสอง ปัญหาดังกล่าวนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยหยิบยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ วรรคสองประกอบด้วย มาตรา ๒๒๕
                 ศาลฎีกาได้ตรวจคำให้การของจำเลยคำแถลงประกอบคำรับสารภาพของจำเลย ตลอดจนรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นแล้ว ไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้บันทึกไว้ ณ ที่ใดเลยว่า นาง ร. ผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นล่ามได้สาบานตนหรือปฏิญาณตนว่าจะแปลถ้อยคำของจำเลยให้ถูกต้องและทำหน้าที่โดยสุจริตใจ ไม่เพิ่มเติมหรือตัดทอนสิ่งที่แปล และนาง ร. ก็มิได้ลงลายมือชื่อในคำแปลนั้นเลย การดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าวของศาลชั้นต้นนั้นจึงเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๓ วรรคสอง ชอบที่จะให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๐๘ ประกอบด้วยมาตรา ๒๒๕

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  ๑๑๘๗/๒๕๓๙
ป.วิ.อ. มาตรา ๑๕, ๑๗๖
ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗
พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๕๗
               จำเลยสามารถพูดและเข้าใจภาษาไทยสามารถตอบคำถามทนายจำเลยโจทก์และศาลเป็นภาษาไทย โดยมิต้องใช้ล่ามแปล ดังนั้น เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพโดยเข้าใจสภาพแห่งข้อหาและคำฟ้องแล้วกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นสอบคำให้การจำเลย บันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้ จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบ ไม่ชอบเหตุที่จะให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  ๕๔๗๖/๒๕๓๗
ป.วิ.อ. มาตรา ๑๓ วรรคสอง , ๑๓๔
             การที่ล่ามแปลคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยโดยมิได้สาบานหรือปฏิญาณตนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๓ วรรคสอง นั้น มีผลทำให้คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้เท่านั้น ไม่ทำให้การสอบสวนคดีนี้เป็นการไม่ชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ขายของหน้าร้าน เร่ขายสินค้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๙๐๘/๒๕๕๑
พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑ มาตรา ๖
                จำเลยรับการสั่งอาหารจากลูกค้าแล้วเข้าไปประกอบอาหารตามคำสั่ง จากนั้น จึงนำอาหารไปส่งให้แก่ลูกค้า ลักษณะการทำงานแสดงให้เห็นว่า จำเลยต้องปรุงอาหารตามที่ลูกค้าสั่งเสียก่อนจึงจะนำอาหารไปส่งให้แก่ลูกค้ามิได้มีลักษณะเป็นการขายสินค้าที่มีอยู่แล้วในสถานประกอบการค้าซึ่งอาจเป็นร้านค้าหรือแผงลอยให้แก่ลูกค้าไม่ว่าเป็นการค้าส่งหรือค้าปลีก จึงมิใช่เป็นการขายของหน้าร้านที่เป็นงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำเพื่อเป็นการค้าหรือหารายได้โดยเด็ดขาดในทุกท้องที่ในราชอาณาจักรตาม พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑ มาตรา ๖ ประกอบ พ.ร.ฎ.กำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ.๒๕๒๒ และบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ.๒๕๒๒ (๖)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๐๐๐/๒๕๓๕
ป.อ. มาตรา ๓๓
พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑ มาตรา ๖ , ๓๓
              ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑ ประกอบพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ.๒๕๒๒ บัญญัติให้งานเร่ขายสินค้าเป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำเป็นการค้า หรือหารายได้โดยเด็ดขาดในทุกท้องที่ในราชอาณาจักร
             จำเลยซึ่งเป็นคนต่างด้าว เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรชั่วคราว ได้ประกอบอาชีพเร่ขายแผ่นพลาสติกสำหรับปูโต๊ะไปตามถนนสาธารณะ จึงไม่มีทางที่จะได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพเร่ขายสินค้าได้เลย เพราะทางการสงวนให้เป็นอาชีพเฉพาะคนไทยเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดเพราะฝ่าฝืนกฎหมายที่กำหนดไว้ในตัว ไม่ใช่เป็นการกระทำความผิดเพราะไม่ได้รับอนุญาต
             แผ่นพลาสติกสำหรับปูโต๊ะของกลางคดีนี้จึงเป็นของที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ (๑) ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบได้

วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การรายงานกรณีคนต่างด้าว เป็นผู้เสียหาย(คดีอุกฉกรรจ์,ตาย) หรือเป็นผู้ต้องหา

แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคนต่างด้าว
ตามบันทึกสั่งการ ตร. ที่ ๐๐๒๙.๘๔๑/๐๐๙๔ ลง ๓๑ ต.ค.๒๕๕๑
เรื่อง  แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
เป็นผู้เสียหายหรือผู้ต้องหา
........................................................
             กรณีคนต่างด้าว เป็นผู้เสียหายในคดีอุกฉกรรจ์ หรือถึงแก่ความตายโดยผิดธรรมชาติ
             ให้หัวหน้าสถานีตำรวจหรือหัวหน้าหน่วยงานที่รับผิดชอบการสอบสวน ดำเนินการรวบรวมรายละเอียด เกี่ยวกับคนต่างด้าวที่เป็นผู้เสียหายหรือผู้ตายแล้วแต่กรณี โดยให้ปรากฎ
                    -  ชื่อ ชื่อสกุล (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
                    -  วันเดือนปีเกิด  อายุ  สัญชาติ  เชื้อชาติ  เพศ
                    -  หมายเลขหนังสือเดินทาง
                    -  ภูมิลำเนา
                    -  การเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร  เมื่อวัน เดือน ปีใด  โดยทางใด
                    -  วัน เดือน ปีที่เกิดเหตุ หรือพบศพ
                    -  พฤติการณ์แห่งคดี หรือเหตุแห่งการตาย
              แล้วรายงานตามแบบ "รายงานคนต่างด้าวเป็นผู้เสียหายในคดีอุกฉกรรจ์หรือถึงแก่ความตายโดยผิดธรรมชาติ" (แบบที่ ๑)    พร้อมส่ง...
                    -  ภาพถ่าย                       ๓    ภาพ
                    -  พิมพ์ลายนิ้วมือศพ        ๓    ชุด
                    -  สำเนาหนังสือเดินทาง   ๑     ชุด
             ไปยัง  กองการต่างประเทศ (ตท.) ภายใน ๒๔ ชั่วโมง นับแต่เวลาที่ทราบเหตุดังกล่าว เพื่อแจ้งให้หน่วยงานดังต่อไปนี้ทราบ คือ
                    -  สถานเอกอัครราชทูต
                    -  สถานกงสุล และ
                    -  สำนักงานกลางตำรวจสากล ของประเทศที่คนต่างด้าวเป็นผู้เสียหายหรือถึงแก่ความตาย
              เมื่อคนต่างด้าวกระทำความผิดอาญาและถูกจับกุมดำเนินคดี
             ให้หัวหน้าสถานีตำรวจหรือหัวหน้าหน่วยงานที่รับผิดชอบการสอบสวนดำเนินการรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ต้องหา โดยให้ปรากฏ
                     -  ชื่อ ชื่อสกุล (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
                     -  วัน เดือน ปีเกิด อายุ สัญชาติ เชื้อชาติ เพศ
                     -  หมายเลขหนังสือเดินทาง
                     -  ภูมิลำเนา
                     -  การเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อวัน เดือน ปีใด โดยทางใด
                     -  วัน เดือน ปีที่ถูกจับกุม
                     -  ข้อหาหรือฐานความผิด
                     -  สถานที่จับกุม และ
                     -  พฤติการณ์แห่งคดี